A picture is a poem without words.
My Dream Destination Project by KaTi’s Story
. . . รู ป ถ่ า ย ห นึ่ ง ใ บ . . . .
อาจแทนถ้อยคำที่ถ่ายทอดความรู้สึก
.. มากมายเอาไว้ในนั้นโปสการ์ด 1 ชุด มีทั้งหมด 7 ใบ 6 แบบ
.. ราคา 95 บาท จัดส่งฟรีในแพ็กเกจสวยงาม
โปสการ์ดแต่ละใบแทนเรื่องราวหลากหลาย
.. ที่เกิดขึ้นมาในหนึ่งช่วงชีวิต.. Sea of Love
.. Between of Us
.. Miss You
.. Faraway
.. Open Your Mind
.. Destiny
เปิดรับจองเพียงแค่ 50 ชุดเท่านั้นค่ะ
ผู้ที่สนใจสั่งจองได้ที่ line : tongpanita
สั่งจองได้ตั้งแต่วันนี้ .. จัดส่งของหลังปีใหม่ค่ะ” ข อ บ คุ ณ ”
ที่อุดหนุนความฝันเล็ก ๆ ของทิค่ะ : )
:: .. เวลาเดินช้า ที่ป่าบงเปียง อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ .. ::
..
สวัสดีค่ะ : )
หลังจากห่างหายจากรีวิวครั้งสุดท้ายไปค่อนข้างนาน
ทิเอง .. ก็ผลุบโผล่อยู่ในกระทู้พันทิปบ้างเล็กน้อย
กลับมาวันนี้มีเรื่องราวการเดินทางสั้น ๆ มาฝากกันค่ะ
แทนความคิดถึง .. ทั้งหมดที่มี
ถึงแม้ว่าบ้านทิจะอยู่เชียงใหม่
และมีโอกาสเดินทางกลับไปเกือบทุกเดือน
แต่เมืองเล็ก ๆ ในหุบเขาที่ชื่อ ” เ เ ม่ เ เ จ่ ม “
กลับอยู่นอกเหนือความสนใจของทิโดยสิ้นเชิง
จนเจ๊เฉด (Login : ผักกะเฉดใส่ไข่) มาชวน
ทิก็เริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับที่นี่ทันที ” บ้ า น ป่ า บ ง เ ปี ย ง “
..
ทิบินมาก่อนเจ๊เฉด 1 วัน
วันรุ่งขึ้น (พฤ 17 ก.ค.) น้องไปส่งที่สนามบิน
รับเจ๊เฉดจากสนามบินออกมาตอน 8 โมง
นั่งสี่ล้อแดงคนละ 30 บาทเพื่อไปลงประตูเชียงใหม่
เดินข้ามฝั่งจากตลาดประตูเชียงใหม่มาคิวรถจอมทอง
เราจะเริ่มเดินทางจากที่นี่ไปตัวอำเภอจอมทองกันก่อน
ค่ารถเชียงใหม่ – จอมทองคนละ 34 บาท
ระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตรจากเชียงใหม่
รถมาจอดส่งเราที่คิวรถไปแม่แจ่มด้านหน้าตลาดจอมทอง
มีคนมารอขึ้นไปแม่แจ่มกันพอสมควร
แต่ที่ท่ารถก็จะมีป้ายบอกเวลารถออกเอาไว้
ค่ารถจากจอมทอง – แม่แจ่มคนละ 70 บาท
แต่วันนี้เราจะยังไม่ไปที่ตัวอำเภอแม่แจ่มกัน
เรานัดรถของโฮมสเตย์บ้านมาฉิโพให้มารับ
จุดนัดพบของเราคือทางแยกน้ำตกแม่ปาน
11.30 น. เราเริ่มออกเดินทางจากอำเภอจอมทอง
ไปตามเส้นทางขึ้นดอยอินทนนท์จนถึงด่านที่ 2
ซ้ายมือจะมีทางแยกไปอำเภอแม่แจ่ม
อากาศเริ่มเย็นขึ้น .. และมีฝนตกปรอย ๆ
มีหมอกฝนลอยระเรี่ยยอดไม้อยู่เป็นระยะ
ทางแยกจากด่าน 2 ไปอำเภอแม่แจ่มเริ่มคดเคี้ยวมากขึ้น
เราเจอโค้งหักศอกเป็นระยะแต่ก็ผ่านมาเรื่อย ๆ ด้วยความชำนาญของคนขับ
จนมาถึงทางแยกน้ำตกแม่ปานคนขับส่งเราลงที่ตรงนี้
มีรถกระบะโฟร์วีลมาจอดรอรับเราอยู่ตรงทางแยกแล้ว
และนี่เป็นครั้งแรกที่เราได้เจอกับ ” ม า เ ซ “
ระยะทางจากทางแยกมาจนถึงบ้านป่าบงเปียง
ประมาณ 8 กิโลเมตรแต่เป็น 8 กิโลที่เนิ่นนานมาก
เพราะหนทางข้างหน้าเล็ก แคบ ชัน เป็นร่องน้ำ และเลน
จากทางแยกเราจะผ่านน้ำตกห้วยทรายเหลือง
ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายที่รถยนต์ธรรมดาจะเข้าถึงได้
หลังจากนั้นทางจะเริ่มฟหโหดขึ้นเรื่อย ๆ โชคดีที่ฝนตกไม่มาก
เราใช้เวลาขโยกเขยกผ่านทางเหล่านั้นมาได้ด้วยฝีมือการขับรถของมาเซ
มาเซเป็นน้องชายของพี่วิชัยเจ้าของบ้านมาฉิโพที่เรากำลังจะไปพัก
ระยะทางแค่ 8 กิโลเมตรแต่ใช้เวลามากกว่าครึ่งชั่วโมง
จนโค้งสุดท้ายเมื่อพ้นแนวไม้เราก็ได้เห็นนาขั้นบันไดบ้านป่าบงเปียงอยู่ตรงหน้า
กลับขึ้นมาบนบ้านตอนเย็นย่ำก่อนแสงอาทิตย์จะหมด
เราผลัดกันไปอาบน้ำ .. น้ำใสและเย็นมากเพราะต่อม่อมาจากน้ำตก
หน้าบ้านเรามีลำธารเล็ก ๆ ที่ไหลมาจากน้ำตกแม่ปาน
อากาศเริ่มเย็นลงมีฝนตกบ้างโปรยปรายไม่หนักหนาเป็นระยะ
เป็นช่วงที่พายุรามสูรเข้าแต่เรากลับไม่เจอพายุเลย .. โชคดีมาก
ห้องน้ำบ้านมาฉิโพถูกสร้างขึ้นมาเพื่อคนเมืองอย่างเรา ๆ
มีทั้งโถนั่ง สายฉีดชำระ ผักบัว ถังน้ำ และห้องน้ำสะอาดมาก ๆ
รีบอาบน้ำกันให้เสร็จก่อนค่ำเพราะว่าที่นี่ไม่มีไฟฟ้า พี่วิชัยเตรียมเทียนไขไว้ให้
แต่เราเตรียมไฟฉายอันใหญ่มาโดยเฉพาะ ก็ช่วยให้กระท่อมเล็ก ๆ ไม่มืดมิดจนเกินไป
พี่วิชัยเอาถาดอาหารเย็นมาส่งให้ตอนประมาณทุ่มนึง
กับข้าวชาวบ้านง่าย ๆ มีน้ำพริกผักต้มไข่เจียวไส้อั่วแกงจืด
แต่อร่อยทุกอย่าง .. เราเชื่อว่าคนทำเองก็ตั้งใจทำให้เราสุดฝีมือ
หลังจากอิ่มอาหารมื้อค่ำกันแล้วพี่วิชัยก็มานั่งคุยกันสักพักเรื่องสัพเพเหระ
เรื่องเกี่ยวกับเผ่าปกากะญอ และเราก็ได้ฟังเพลงชาวปกากะญอที่พี่วิชัยเป็นคนแต่ง
เครื่องดนตรีประจำตัวของพี่วิชัยเรียกว่าเตหน่าลักษณะคล้าย ๆ ซอผสมพิณ
พี่วิชัยเล่นทั้งเพลงของตัวเองและเพลงอื่น ๆ ที่พอจะได้ยินและร้องได้ทั้งเดือนเพ็ญและกำลังใจ
คืนนั้นพี่วิชัยส่งเราสองคนเข้านอนด้วย ” หลับฝันดีนะครับ “
บ้านไม้ไผ่หลังเล็ก ๆ ของเราในคืนนั้น
ตอนแรกกะจะนอนกันตรงชานบ้าน
เพราะอากาศเย็นดี แต่พอดึกเริ่มหนาวมากขึ้น
ย้ายตัวกันเข้าไปมุดมุ้งในห่องกันแทบไม่ทัน
อากาศเหมือนต้นหนาวเริ่มหนาวเบาบาง
แต่อุณหภูมิก็ไม่น่าจะเกิน 20 องศา
ตื่นเช้ามากระเด้งตัวเองขึ้นจากพื้นที่นอน
มองลอดมุ้งออกมามันก็ยังไม่ชัดเท่ามุดมุ้งออกมามอง
หน้าต่างไม้ค้ำยันสองบานเล็ก ๆ ที่ปลายเท้า
อวดโฉมนาขั้นบันไดยามเช้าพร้อมหมอกลอยระเรี่ย
ธรรมชาติบรรจงสร้างสรรค์ความสวยงามเสมอ
06.30 น. พี่ฉิโพหิ้วกระติกเก็บน้ำร้อน
มาให้พร้อมกับโอวัลตินซองสองซอง
อากาศเย็น ๆ ได้แก้วโอวัลตินอุ่น ๆ มาอยู่ในมือ
มันทำให้ร่างกายอุ่นขึ้นมาอีกนิดนึง
เช้าวันนี้ไม่มีแดดมีแต่หมอกฝนกับเมฆเบาบาง
ลอยผ่านหัวเราไปมาที่ระเบียงหน้าบ้าน
เจ็ดโมงกว่าอาหารเช้าก็มาเสิร์ฟถึงชานบ้าน
ไม่มี ABF ไม่มีข้าวต้มกุ้งโจ๊กหมูสับ ปาท่องโก๋
กับข้าวเช้านี้มี “น้ำพริกปลากระป๋อง” อันขึ้นชื่อ
ใครไปใครมาเยือนที่นี่ขอให้รีเควสท์อร่อยเด็ดจริง ๆ
มีแคบหมูและหน่อไม้ต้มเป็นเครื่องจิ้ม
แกงน้ำเต้าใส่เนื้อปลาป่น ผัดแตงกวาใส่ไข่ ข้าวอีกโถ
กับข้าวชาวเขาง่าย ๆ บ้าน ๆ แต่อร่อยมาก
มื้อนี้คงเป็นมื้อสุดท้ายของบ้านป่าบงเปียงแล้ว
สิบเอ็ดโมงนัดรถมารับเพื่อลงไปส่งที่ตัวอำเภอแม่แจ่ม
แล้วคืนนี้เราจะไปค้างที่แม่แจ่มกันอีกคืน
11.00 น. มาเซกับมาลาโกมารับที่บ้านพัก
ขับโฟร์วีลลงมาส่งที่ตัวอำเภอแม่แจ่ม
ระหว่างทางพาแวะไปดูนาข้าวและข้าวไร่หลายจุด
แวะเข้าไปที่โบสถ์ของหมู่บ้านตีนผา
ชาวเขาแถบนี้นับถือศาสนาคริสต์เกือบทั้งนั้น
จากโบสถ์ผ่านโรงเรียนอินทนนท์วิทยา
มีนักเรียนชั้นอนุบาลถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3
จากบ้านตีนผาออกมาเกือบถึงตัวอำเภอแม่แจ่ม
มาเซแวะให้เราดูน้ำออกฮู .. หนองน้ำศักดิ์สิทธิ์
ที่มีน้ำผุดออกมาจากรูตามความเชื่อของชาวบ้านที่นี่
ลงมาถึงตัวอำเภอเที่ยงครึ่งเราตกลงใจพักที่โรงแรมแม่แจ่ม
เราบอกลามาเซและมาลาโกสัญญาว่าเราจะกลับมาอีก
มาเซและมาลาโกส่งเราสองคนที่โรงแรมแม่แจ่ม
โรงแรมแม่แจ่มเป็นบังกะโลสามเหลี่ยมหน้าจั่วหลังเล็ก ๆ
มีห้องน้ำในตัว แอร์ ทีวี ตู้เย็น คืนละ 600 บาท
เอาของเก็บที่ห้องพักชาร์จแบตแป๊ปนึง
ก็เดินออกไปเช่ารถมอเตอร์ไซค์ที่หน้าปากซอย
ค่าเช่าวันละ (24 ชั่วโมง) 200 บาท (ไม่ต้องมัดจำ)
เมื่อได้รถก็ออกเดินทางกันต่อหาอะไรใส่ท้องกันก่อน
มาเซแนะนำร้านก๋วยเตี๋ยวจันทร์สมอยู่เยื้องวัดบุปผาราม
มีทั้งหมูและเนื้อพิเศษชามละ 40 บาท (เยอะมาก)
ท้องอิ่มก็ออกเดินทางกันต่อไปวัดพุทธเอ้น (บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์)
ตั้งท่าจะไปบ้านกองกานแต่มองไปข้างหน้าฝนมามืด
ตัดสินใจย้อนกลับมาบ้านท้องฝายไปดูศูนย์ทอผ้าตีนจก
หลังจากนั้นย้อนกลับเข้าตัวอำเภอแวะร้านแจ่งเหมือง
ได้ชามะนาวมาเติมความสดชื่นหลังจากเจอทั้งฝนและแดด
หลังจากไปตระเวณทั่วแม่แจ่มฝ่าทั้งฝนและแดด
ก็กลับมา .. นอนเอกเขนก .. ที่ห้องพัก
หกโมงกว่าแดดร่มลมตกออกไปหาของกิน
อากาศเย็นลงกว่ากลางวันแต่ก็ไม่เย็นมาก
เท่ากับบ้านป่าบงเปียงที่เราจากมา (คิดถึง)
ขี่รถเลาะเลียบริมน้ำแม่แจ่มไปเจอร้าน
” ค รั ว ริ ม เ เ จ่ ม “ (อยู่ตรงข้ามโรงแรมแพมวิว)
ร้านอาหารเล็ก ๆ แต่วิวดีชะมัดเลยแหะ
ถามน้องในร้านว่ามีอะไรแนะนำที่ขึ้นชื่อของที่นี่
น้องแนะนำปลาจุ่มเลยจัดมาหนึ่งหม้อ (เยอะเอาเรื่อง)
สั่งผัดหน่อไม้ฝรั่งน้ำมันหอย กับ ผัดกะเพราหมูไปด้วย
สองคนสามอย่างตอนยกมาน้องบอกว่าจะหมดมั้ยคะ
พยายามละเลียดปลาจุ่มกับผัดผักจนหมด
แต่กะเพรานี่ยัดลงท้องลงไปไม่หมดจริง ๆ แหะ
เรียกเก็บตังค์ทั้งหมด 280 บาทพุงแทบแตก
วันสุดท้าย .. ในเมืองแม่แจ่ม
กว่าเมื่อเช้าจะลุกจากที่นอนก็แปดโมงกว่าแล้ว
เมื่อคืนฝนตกทั้งคืนและตุ๊กแกร้องอยู่บนหัวนอนทั้งคืน
กว่าจะข่มตาหลับก็ปาเข้าไปตีสามเพราะกลัวมันกระโดดมาใส่
อาบน้ำ เก็บของ แล้วออกไปเก็บภาพรอบ ๆ เมือง
แวะไปคิวรถแม่แจ่มบอกให้เค้ามารับที่พักตอนเที่ยง
ขี่ฝ่าฝนปรอย ๆ ออกไปทางฮอดเลี้ยวเข้าไปวัดยางหลวง
เป็นวัดเล็ก ๆ ที่เงียบสงบ สถาปัตยกรรมสวยงาม
และมีภาพเงาสะท้อนของอุโบสถกลับหัวตอนที่แสงตกกระทบ
แต่วันนี้ .. ไม่มีแดดก็ไม่เห็นอยู่ดี
ออกมาจากวัดยางหลวงขี่เลยเข้าไปที่วัดบ้านทัพ
วันนี้วันพระที่วัดนี้มีคนเฒ่าคนแก่ใส่ชุดขาวมาถือศีลทำบุญกันเต็มเลย
ได้คุยกับคุณตาคุณยายสักพักก็ขอตัวออกมา
เราเลือกที่จะไม่กลับทางเดินแต่เห็นถนนที่เชื่อมกับบ้านท้องฝาย
ที่เราขี่มาดูศูนย์ทำผ้าตีนจกเมื่อวานนี้
ก่อนกลับเข้าที่พักแวะกินก๋วยเตี๋ยวหมูหน้าอำเภอกับส้มตำปลาร้าอีกจาน
เอาเป็นว่าพอกินได้ แต่เราสองคนกินไม่หมดทั้งคู่
ถ้าเทียบกับก๋วยเตี๋ยวจันทร์สมเมื่อวาน ร้านโน้นกินขาด
แวะเอารถไปคืนร้านที่หน้าปากซอยที่พักแล้วเดินกลับมานอนเล่น
เกือบเที่ยงรถสองแถวแม่แจ่ม – จอมทองก็มารับที่โรงแรม
เรากลับลงมาถึงจอมทองประมาณบ่ายโมงครึ่ง
และกลับเข้ามาถึงเชียงใหม่ประมาณบ่ายสามโมง
ค่าใช้จ่ายด้านล่างเป็นค่าใช้จ่ายของเราสองคนในทริปนี้
เผื่อใครจะสามารถใช้เป็นแนวทางในการเดินทางได้
..
อาจจะเป็นการเดินทางทริปสั้น ๆ ที่สามารถไปต่อยอดความฝันของใคร ๆ
ที่อาจจะอยากเดินทางไปที่นี่เหมือนกัน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้นะคะ
เพราะเราก็อยากให้คุณได้ไปสัมผัสที่นี่ด้วยตัวคุณเองเช่นกัน
ขอบคุณที่ติดตามอ่านบันทึกการเดินทางของเราสองคนนะคะ
” ข อ บ คุ ณ ค่ ะ ”
..
:: Mae Chame, Chiang Mai ::
:: Merry X’Mas & Happy New Year 2014 ::
..
.. ถ้าคุณมีความสุข
คุณอยากส่งความสุขที่คุณมีนั้น
ไปให้กับใครบ้างคะ .. ??.. สำหรับฉัน
” …. ความสุข … ของฉันในวันนี้
คือการที่ได้เห็นคนที่ฉันรักมีความสุข “ใช่ค่ะ ..
คนที่ฉันรักและรักฉันพ่อแม่พี่น้องเพื่อนฝูงญาติสนิทมิตรสหาย
.. ทุกคนที่อยู่รอบตัวฉัน
ที่ฉันจะสามารถส่งความสุขเหล่านั้น.. ด้วยสองมือของตัวเอง
.. ด้วยอ้อมกอด
.. ด้วยรอยยิ้ม
.. ด้วยสิ่งของและสำหรับคุณทุกคนฉันมีความสุขส่งมาให้
ขอให้ความสุขโอบล้อมรอบตัวคุณตลอดไป
Merry X’Mas & Happy New Year 2014